การปลูกพาร์สเลย์

พาร์สเลย์ ( Parsley )



ภาพโดย tegrafik จาก Pixabay 


ชื่อวิทยาศาสตร์  Petroselinum cripum

พาร์สเลย์ เป็นพืชอายุยาว ทรงต้นลักษณะเป็นกอ ใบจะเป็นหยัก ๆ มีก้านใบยาวประมาณ 10 – 15 เซนติเมตร 

ในส่วนของก้านใบจะมีข้อ 2 – 3 ข้อ และมีก้านใบย่อยเกิดขึ้นตรงข้อและตรงก้าน ใบย่อยนี้จะมีใบย่อยแตกแขนง ออกไปอีกซึ่งถ้ามองดูเผิน ๆ จะเหมือนต้นผักชีไทย ให้ผลผลิตตลอดปีถ้ามีการจัดการดี 

พาร์สเลย์เป็นพืชที่ต้องการน้ําตลอดฤดูปลูก แต่ไม่ควรมีน้ําขังหรือมีความชื้นสูง ชอบดินที่อุดมสมบูรณ์ แสงแดดในช่วงเช้า ชอบสภาพอากาศเย็น อุณหภูมิอยู่ระหว่าง 18 – 25 °C ความเป็นกรดเป็นด่างของดินที่เหมาะสม คือ 5.5 – 6.8 

สามารถเริ่มเพาะในที่ร่มหรือกลางแจ้ง แต่มีข้อแนะนําว่าให้เพาะเมล็ด ในที่ร่มก่อนที่จะย้ายไปปลูกกลางแจ้ง โดยการเพาะเมล็ดควรให้ดินเพาะกล้ามี ความชื้นตลอดเวลา เพื่อช่วยให้เมล็ดงอก ถ้าปลูกพาร์สเลย์ใกล้กุหลาบ หน่อไม่ฝรั่ง และมะเขือเทศจะช่วยป้องกันแมลงเข้าทําลายได้

การเตรียมดิน

แบ่งออกได้เป็นสามส่วนคือ

1. การเตรียมแปลงเพาะปลูก

2. การเตรียมดินถุงเพื่อย้ายกล้าชํา 

3. การเตรียมแปลงปลูก

การเตรียมแปลงเพาะกล้า

ให้ทําการขุดพลิกดินแล้วตากแดดไว้ 7 – 15 วัน จากนั้นหว่านปูนขาวและใส่ปุ๋ยคอก (มูลไก่) ในอัตราปุ๋ยคอก 300 กรัม ต่อพื้นที่ 1 ตารางเมตร แล้วคลุกเคล้าให้เข้ากัน เกลี่ยหน้าดินให้เรียบ จากนั้นจึงหว่านเมล็ดลงบนแปลง แล้วใช้ดินละเอียดกลบบาง ๆ หรือการเพาะกล้าสามารถทําได้ในกระบะเพาะ

การเตรียมดินลงถุงเพื่อย้ายกล้าชํา

ใช้ดินร่วนผสมกับมูลไก่อัตรา 2 ต่อ 1 คลุกเคล้าให้เข้ากันแล้วนํามา กรอกลงถุงพลาสติกขนาด 4 x 6

การเตรียมแปลงปลูก

หว่านปูนขาว แล้วขุดดินตากแดดทิ้งไว้ 7 – 15 วัน ใช้ปุ๋ยคอก อัตรา 300 กรัม/ตารางเมตร คลุกเคล้าให้ทั่วแปลง

วิธีการปลูก

การให้น้ํามีความสําคัญอย่างยิ่ง ควรให้น้ําในแปลงอย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะในช่วงที่ปลูกแปลงในสัปดาห์แรก เพื่อช่วยให้ต้นกล้าตั้งตัวได้เร็วขึ้น

การใสปุ๋ย

ปุ๋ยที่แนะนําให้ใช้กับพาร์สเลย์ คือปุ๋ยสูตร 46–0–0 ผสม15–15–15 ในอัตราส่วน 1:2 ปริมาณ 50 – 100 กิโลกรัมต่อไร่ 

หลังจากย้ายปลูกประมาณ 7 – 14 วัน โรยปุ๋ยเป็นร่องลึก 2 – 3 เซนติเมตร กลบดินแล้วรดนํ้าอีกประมาณ 2 สัปดาห์ให้ปุ๋ยสูตร 15–15–15 สลับกับปุ๋ยสูตร 13–13–21 ทุก ๆ 2 สัปดาห์



ภาพโดย ArtActiveArt จาก Pixabay 


การเก็บเกี่ยว

เริ่มเก็บเกี่ยวครั้งแรกหลังจากปลูกแล้ว 60 – 80 วัน การเก็บจะปลิดก้านใบ โดยปลิดก้านที่อยู่ด้านนอกก่อน ในการเก็บเกี่ยวแต่ละครั้งจะเหลือก้านใบไว้  2 – 3 ใบต่อหนึ่งต้น 

หลังจากเก็บครั้งแรกแล้วประมาณ 15 – 20 วัน ต้นพาร์สเลย์จะแตกใบขึ้นมาใหม่ ให้ทำการเก็บครั้ง ที่ 2,3,4 ไปเรื่อย ๆ โดยจะเก็บทุก 15–20 วันใน 1 รุ่น จะเก็บเกี่ยวได้ 1–2 ปี ขึ้นอยู่กับการดูแลรักษา

การใช้ประโยชน์

การตกแต่งจานอาหารและจานสลัด ใช้กับอาหารประเภทยํา ชุบแป้งทอดหรือรับประทานสด ๆ นอกจากนี้ยังใช้ใบพาร์สเลย์สดมาเคี้ยว ทําให้ลมหายใจสดชื่นและ ช่วยดับกลิ่นตกค้าง เช่น กระเทียม นอกจากนี้ใบพาร์สเลย์ยังมีวิตามิน และธาตุเหล็กในปริมาณพอสมควร


คัดลอกจาก เอกสารวิชาการ การปลูกผักบนพื้นที่สูง กลุ่มสื่อส่งเสริมการเกษตร สํานักพัฒนาการถ่ายทอดเทคโนโลยี กรมส่งเสริมการเกษตร ISBN 974-9562-22-4

 



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น