ผักกาดหวาน ( Cos Lettuce , Romain Lettuce )
ภาพโดย วรพจน์ พนาปวุฒิกุล จาก Pixabay
ชื่อวิทยาศาสตร์ Lactuce sativa var. longifolla
ผักกาดหวาน เป็นพืชล้มลุกการปลูกดูแลรักษาคล้ายผักกาดหอมห่อ ต้องการสภาพอากาศเย็น อุณหภูมิที่เหมาะสมอยู่ระหว่าง 10 – 24゚C ในสภาพอุณหภูมิสูงการเจริญเติบโตทางใบจะลดลง และสร้างสารสีขาวคล้ายน้ํานมหรือ ยางมาก เส้นใยสูงเหนียวและมีรสขม
ดินที่เหมาะสมต่อการปลูกควรร่วนซุย มีความอุดมสมบูรณ์ และมีอินทรียวัตถุสูง หน้าดินลึก และอุ้มน้ําได้ดีปานกลาง สภาพความเป็นกรดเป็นด่าง ของดินอยู่ระหว่าง 6 – 6.5 พื้นท่ีปลูกควรโล่งและได้รับแสงแดด
อย่างเต็มที่ เนื่องจากใบผักกาดหวานมีลักษณะบางไม่ทนต่อฝน ดังนั้นในช่วงฤดูฝนควรปลูกใต้โรงเรือน
การเตรียมดิน
ขุดดินตากแดดและโรยปูนขาวหรือโดโลไมท์ อัตรา 100 กรัม / ตารางเมตร ทิ้งไว้ 14 วัน ให้วัชพืชแห้งตาย ขึ้นแปลงกว้าง 1 เมตร ใส่ปุ๋ยสูตร 12 – 24 – 12 และสูตร 15 – 0 – 0 รองพื้น ปุ๋ยคอกอัตรา 2 – 4 ตัน/ไร่
การเตรียมกล้า
เพาะกล้าในถาดหลุมแบบประณีต วัสดุเพาะควรมีระบบน้ําดี
การปลูก
นําต้นกล้าที่เพาะไว้ อายุประมาณ 3 – 4 สัปดาห์ มาปลูกโดยใช้ร ะยะ ปลูก 30 x 30 เซนติเมตร ในฤดูร้อน และ 40 x 40 เซนติเมตร ในฤดูฝนเพื่อ ป้องกันการระบาดของโรค
การให้น้ํา
ควรให้น้ําอย่างสม่ำเสมอและเพียงพอต่อการเจริญเติบโต การให้น้ำ ไม่ควรมากเกินไป อาจทําให้เกิดโรคโคนเน่า
การให้ปุ๋ย
หลังปลูก 7 วัน ใส่ปุ๋ยสูตร 46 – 0 – 0 ผสมสูตร 15 – 15 – 15 อัตราส่วน 1 : 1 ปริมาณ 50 กิโลกรัม /ไร่ พร้อมกําจัดวัชพืชหลังปลูก 20 – 25 วันใส่ปุ๋ยสูตร 13 – 13 – 21 โดยขุดร่องลึก 2 – 3 เซนติเมตร รอบโคนต้น รัศมีจาก ต้น 10 เซนติเมตร โรยปุ๋ย 1⁄2 ช้อนโต๊ะ กลบดินแล้วรดน้ําพร้อมกําจัดวัชพืช
ข้อควรระวัง
1. ควรฉีดพ่นแคลเซียม และโบรอน สัปดาห์ละ 1 ครั้ง เพื่อป้องกันอาการปลายใบไหม้ (Tipburn) ในบางพื้นที่ซึ่งมีปัญหาขาดธาตุรอง
2. การพรวนดิน ระวังอย่ากระทบกระเทือนรากหรือต้น เพราะจะมีผลต่อการเข้าปลีที่ไม่สมบูรณ์
3. ไม่ควรปลูกซ้ำที่เดิม
การเก็บเกี่ยว
เมื่อผักกาดหวานมีอายุได้ประมาณ 40 – 60 วัน หลังจากย้ายปลูก ใช้หลังมือกดดูถ้าแน่นก็เก็บได้ ( กดยุบแล้วกลับคืนเหมือนเดิม ) ใช้มีดตัด และเหลือใบนอก 3ใบ เพื่อป้องกันความเสียหายในการขนส่ง หลีกเลี่ยงการเก็บเกี่ยวตอนเปียก ควรเก็บเกี่ยวตอนบ่ายหรือค่ำแล้ว ผึ่งลมในที่ร่มและคัดเกรด ป้ายปูนแดงที่รอยตัด เพื่อป้องกันการแพร่เชื้อโรคเข้าสู่หัว แล้วบรรจุลงในพลาสติกเพื่อรอขนส่งต่อไป
ข้อควรระวัง
1. ในฤดูฝน เก็บเกี่ยวก่อนผักโตเต็มที่ 2 – 3 วัน เพราะถ้าปล่อยให้ผักโตเต็มที่ผักจะเน่าง่าย
2. เก็บซากต้นนําไปเผา หรือฝังลึกประมาณ 1 ฟุต ป้องกันการระบาด และสะสมโรคในแปลงปลูก
คุณค่าทางโภชนาการ
ผักกาดหวานมีน้ําเป็นองค์ประกอบ และมีวิตามินซีสูง นอกจากนี้ยังมีฮีโมโกลบิน ( hemoglobin ) ช่วยป้องกันโรคโลหิตจาง บรรเทาอาการท้องผูกเหมาะสําหรับผู้ที่ป่วยเป็นโรคเบาหวาน
การใช้ประโยชน์
ผักกาดหวานเป็นพืชที่นิยมบริโภคสด โดยเฉพาะในสลัดหรือกินกับยำ แต่สามารถประกอบอาหารได้ในบางชนิด เช่น นําไปผัดกับน้ํามันโดยใช้ไฟแรงอย่างรวดเร็ว
คัดลอกจาก เอกสารวิชาการ การปลูกผักบนพื้นที่สูง กลุ่มสื่อส่งเสริมการเกษตร สํานักพัฒนาการถ่ายทอดเทคโนโลยี กรมส่งเสริมการเกษตร ISBN 974-9562-22-4
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น